About Me

ฟิสิกส์หน่วยการวัดครูขุน
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

ผู้ติดตาม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.
วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

postheadericon การสะท้อนของเสียง


  • การสะท้อนของเสียง


  •  
       
                เมื่อเรายืนอยู่ในระหว่างหุบเขาและเปล่งเสียงตะโกนออกมา ในเวลาอีกไม่นานเราก็จะได้ยินเสียงอุโฆษ (echo) ซึ่งเป็นเสียงของเราเองที่สะท้อนกลับมาหาตัวเรา ถ้าในหุบเขามีภูเขาตั้งอยู่หลายๆลูก เสียงอุโฆษจะเกิดขึ้นหลายๆ ครั้ง นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะของการสะท้อนของเสียง ตามปกติเมื่อเสียงกระทบกับกำแพงที่มีผิวแข็งๆ ส่วนหนึ่งของเสียงจะสะท้อนกลับ แต่เสียงอีกส่วนหนึ่งจะแทรกซึมเข้าไปในกำแพง ส่วนที่แทรกเข้าไป (transmit) นี้ อาจเปลี่ยนสภาพกลายเป็นความร้อน และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จะทะลุออกอีกด้านหนึ่งของกำแพงไปได้ ลักษณะของการแทรกซึมผ่านไปนี้เราเรียกว่า Transmittance
              ถ้า หากว่ากำแพงเหล่านั้น ประกอบขึ้นด้วยไม้อัดบางๆ หรือเป็นหน้าต่างบานกระจก เมื่อถูกเสียงมากระทบเข้า กำแพงก็จะสั่นสะเทือน ซึ่งจะส่งพลังงานเสียงออกไปอีกต่อหนึ่ง ฉะนั้น กำแพงที่แข็งและไม่สั่นสะเทือนจะเป็นตัวกันเสียง (Barrier) ที่ดีที่จะไม่ให้เสียงผ่านไปได้โดยการสั่น ในขณะที่กำแพงไม้อัดบางๆ หรือหน้าต่างบานกระจกเสียงจะผ่านไปได้อย่างสะดวกอันเกิดจากการสั่นสะเทือน อนึ่ง วัตถุที่มีรูพรุน (porous materials) ทั้งหลาย สามารถดูกลืนเสียงได้มาก ถ้านำวัตถุที่มีรูพรุนเหล่านี้มาประกบเข้ากับกำแพงแข็งเข้าด้วยกัน ก็จะเป็น ฉนวนกันเสียง (insulation) ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นฉนวนกันความร้อนได้ด้วย           เสียงมีคุณสมบัติคล้ายแสงที่สามารถสะท้อนได้เช่นเดียวกัน การสะท้อนของเสียงขึ้นอยู่กับความถี่ของเสียง (Frequency) และมุมที่เสียงตกกระทบ ความยาวคลื่นของเสียงมีค่ามากกว่าของแสงมาก (แสงที่เราสามารถเห็นได้ มีความยาวคลื่นระหว่าง 0.000015 ถึง 0.000030 นิ้ว แต่เสียงที่เราได้ยินมีความยาวคลื่นประมาณ 0.06 ฟุตถึง 60 ฟุต) ฉะนั้นวัตถุที่เสียงกระทบจะต้องมีขนาดใหญ่พอสมควร
       
         
         
         
           



     
       
                กฎของการสะท้อนของเสียงมี 2 ประการ  คือ
              1.1 มุมตกกระทบ (Angle of Incidence) จะมีค่าเท่ากับมุมสะท้อน (Angle of Reflection)
              1.2 รังสีตกกระทบ เส้นปกติและรังสีสะท้อนย่อมอยู่ในระนาบเดียวกัน เสียงที่ลักษณะของการสะท้อนเช่นเดียวกันแสง

    รูปมุมตกกระทบ
    ที่มา: Michel Barron, Auditorium Acoustics and Architectural Design,
    (E & FN Spon, and imprint of Chapman & Hall, 1933:21)

       
         
         
         
           



     
       
                ในทำนองเดียวกัน ถ้าพื้นที่ตกกระทบเป็นพื้นเว้า (concave surface) เสียงออกจากการสะท้อนของเสียงบนพื้นราบจะไปรวมกันที่จุดใดจุดหนึ่งด้านนอก ของพื้นที่เว้า ในที่นี้คือจุด F.P (ดูรูป)
    รูปการสะท้อนของเสียงบนพื้นที่เว้า
    ที่มา: Michel Barron, Auditorium Acoustics and Architectural Design,
    (E & FN Spon, and imprint of Chapman & Hall, 1933:21)


       
         
         
         
           



     
       
                แต่ ถ้าพื้นหน้านูน (convex) เสียงที่ตกกระทบแล้วจะสะท้อนกระจายออกไป ไม่ไปรวมกันที่จุดใดจุดหนึ่ง หากแต่จะกระจายออกไปทั่ว คุณสมบัตินี้สถาปนิกนำไปใช้กันมากเมื่อต้องการให้เสียงกระจายแผ่ออกไป โดยเฉพาะในห้องที่ผัง

    รูปการสะท้อนเสียงบนพื้นที่นูน
    ที่มา: Michel Barron, Auditorium Acoustics and Architectural Design,
    (E & FN Spon, and imprint of Chapman & Hall, 1933:21)

    0 ความคิดเห็น: